" จะรู้ได้อย่างไร ว่าลูกมีความถนัดทางดนตรี "... มักจะเป็นคำถามที่ติดใจพ่อแม่อยู่เสมอ ๆ และมักจะถามเมื่อลูกโตเข้าสู่วัยนี้แล้ว
ทั้งนี้ ก็เพราะว่า พ่อแม่จะเลี้ยงลูกแบบตั้งรับ ด้วยหวังว่า ความถนัดของลูกจะโผล่ออกมาเองจากตัวลูก โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้ หากความสามารถ หรือ ความถนัดของลูกไม่โผล่อะไรออกมาเลย ลูกก็ต้องโตขึ้นไปตามยถากรรม ซึ่งเป็นความผิดของลูกแท้ๆ ที่ไม่มีควมมถนัดอะไรแสดงออกมาเลย
พ่อแม่หลายคน เชื่อตามกันมาว่า ลูกเล็กเด็กนั้น ไร้เดียงสา คือ ไม่รู้อะไร รอไว้ให้โตใหญ่ขึ้นแล้ว ค่อยเรียนรู้ และพ่อแม่บางคนที่อยู่กับความเจริญ มีเงินใช้และเลี้ยงดูอย่างเอาใจเด็ก ให้เด็กมีความสุขตามที่เด็กต้องการ ความสำเร็จของการเลี้ยงลูกก็คือ การปรนเปรอให้เด็กได้รับความพอใจ
พ่อแม่ทั้งสองแบบนี้ จะหาความถนัดของลูกไม่เจอเลย แต่พ่อแม่ ที่รู้วิธีเลี้ยงลูก จะปลูกฝังสิ่งที่ดีให้เข้าไปในตัวลูก อะไรก็ตาม ที่พ่อแม่เลือกแล้วว่า เป็นสิ่งที่ดี และอยากให้ลูกได้รู้ พ่อแม่ต้องขวนขวายให้ลูกได้เรียนได้รู้ เมื่ออยากให้ลูกเล่นดนตรี ก็ให้ลูกได้ฟังดนตรี อยู่ในบรรยากาศ และสิ่งแวดล้อมของดนตรี ได้เล่นดนตรี เรียนดนตรีตั้งแต่เล็ก ๆ เมื่อลูกได้มีประสบการณ์แล้ว อาการของลูก จะบอกได้ว่า ลูกมีความถนัด มีความชอบอะไร
สิ่งแรกที่พ่อแม่ต้องทำความเข้าใจว่า " ดนตรี จำเป็นสำหรับลูก " เพราะดนตรี เป็นเรื่องของเสียง เสียงมีพลัง พลังสร้างความเคลื่อนไหว ความเคลื่อนไหว สร้างความเปลี่ยนแปลง การเปลี่ยนแปลงทำให้เกิดการพัฒนา ดนตรีจะมีส่วนในการพัฒนาสมอง ร่างกาย จิตใจ อารมณ์ และสังคมให้กับเด็ก
เมื่อเข้าใจ เห็ฯความสำคัญ และความจำเป็น ที่จะให้ลูกเรียนดนตรีแล้ว สำดับต่อมาก จะต้องสร้างประสบการณ์ทางดนตรีให้กับลูก ทั้งโดยตรงและโดยอ้อม คือ การให้ลูกได้อยู่ในบรรยากาศสิ่งแวดล้อมทางดนตรี เด็ก ได้ยินเสียงดนตรีซ้ำ ๆ บ่อย ๆ จะคุ้นเคยกับเสียง ทำให้หูฟังเสียงได้ชัดขึ้น ละเอียดมากขึ้น เด็กมีหูที่ดี ( perfect pitch) เป็นประโยชน์สำหรับอาชีพดนตรีของเด็กอย่างยิ่ง